การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ดี
แต่เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว
และมองดูพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า
แล้วเราก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป
เหมือนอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ
2 โครินธ์ 3:18
การได้เรียนรู้ตัวเอง คือการได้รู้ว่าตัวเราเป็นคนแบบไหนมีข้อดีข้อเสียอย่างไร?
เราต้องกล้ายอมรับต่อข้อเสียที่คนรอบข้างบอก
เพื่อนำมามาวิเคราะห์ต่อว่าทำไมเราถึงเป็นคนแบบนั้นพร้อมหาทางแก้ไขที่ดีที่สุด เช่น
การควบคุมความคิดเชิงลบ และความรู้สึกของตัวเองเราจึงจะสามารถเริ่มลดความเป็นตัวเองลงได้บ้าง
ลดอารมณ์ขี้หงุดหงิดโมโห ให้ตรวจสอบตัวเองบ่อย ๆ เพื่อจะได้รู้ว่าเราควรจะพัฒนาตัวเองในด้านไหนมากขึ้น
หากคุณต้องการเติบโตและอยากเห็นตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้น
คุณต้องมั่นใจ และมีความมุ่งมั่นและตั้งเป้าหมายให้กับตนเอง เช่นว่า ฉันอยากจะเป็นคนที่สามารถรักคนอื่นได้ด้วยความจริงใจ มีความอดทนทั้งต่อตนเองและผู้อื่นให้มากขึ้น และเป็นพรแก่ผู้อื่น ไม่อิจฉา
ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง
ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว
ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด
แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ และเชื่อในส่วนดีของผู้อื่นอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง ฉันอยากจะอ่อนโยนและมีเมตตาต่อผู้อื่นแม้ว่าวันนั้นตัวเองจะไม่รู้สึกดีก็ตาม
เครื่องมือชิ้นแรกที่พระเจ้าใช้เปลี่ยนแปลงเรา คือ “พระคัมภีร์”
พระองค์สอนวิธีดำเนินชีวิตแก่เราผ่านถ้อยคำของพระองค์ ใน 2 ทิโมธี 3:16-17 บอกว่า
“พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน
การตักเตือนว่ากล่าว การแก้ไขสิ่งผิดและการอบรมในทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะมีความสามารถและพรักพร้อมเพื่อการดีทุกอย่าง”
เครื่องมือชิ้นที่สองที่พระเจ้าทรงใช้เปลี่ยนแปลงเราคือ
“พระวิญญาณบริสุทธิ์” เมื่อเราอุทิศตัวแด่พระคริสต์
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเข้ามาในชีวิตเราเพื่อเสริมกำลังและนำทางเรา
พระวิญญาณพระเจ้าให้กำลังใหม่ ความกระฉับกระเฉง ความปรารถนา
และพลังที่จะทำสิ่งถูกต้องแก่เรา เมื่อพระวิญญาณพระเจ้าทำงานในเรา
เราก็จะเหมือนพระองค์มากขึ้น ๆ จุดประสงค์แรกของพระเจ้าในชีวิตคุณคือ
ทำให้คุณเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์
โดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ภายในตัวเรา เราจะสามารถมีความสุข
ชื่นชมยินดีและอ่อนโยนกับผู้อื่นได้แม้ว่าสิ่งต่าง ๆรอบกายจะไม่ได้อำนวยก็ตาม เราจะสามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ต่อให้ทุกสิ่งรอบตัวเราดูวุ่นวายไปหมดก็ตามแต่ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เราจึงมีความอดทนและสามารถควบคุมอารมณ์โกรธและความรู้สึกไม่พอใจไว้ได้
แต่น่าเสียดายที่พวกเราส่วนใหญ่หัวแข็ง และไม่ยอมเปลี่ยนตามง่าย ๆ พระองค์อาจต้องใช้เครื่องมืออย่างที่สามเข้ามาช่วย นั่นคือ สถานการณ์ ซึ่งหมายถึง ปัญหาและแรงกดดัน เรื่องปวดร้าวใจ
ความยุ่งยากลำบาก และความเครียด เพราะสิ่งเหล่านี้มักกระตุกความสนใจของเราได้ดี โรม 8:28-29 ในฉบับแปลบางเล่มกล่าวว่า
“สำหรับผู้ที่รักพระเจ้า ผู้ที่พระเจ้าเรียกตามแผนการของพระองค์
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะพอเหมาะพอดีกับรูปแบบที่เตรียมไว้เพื่อให้เกิดผลดี
ข้อคิด
พระเจ้าจะเปลี่ยนแปลงคุณจากภายในทีละเล็กทีละน้อย
วิธีดีเลิศที่สุดของพระเจ้าในการปรับเปลี่ยนเราคือ
ให้เราอ่านพระคัมภีร์ เพื่อค้นหาว่า เราควรดำเนินชีวิตอย่างไร?
และจากนั้นพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในเราเพื่อช่วยให้เราทำได้ และถ้าหากเรายังหัวแข็ง และไม่ยอมเปลี่ยนตามง่าย ๆ พระองค์อาจต้องใช้เครื่องมืออย่างที่สามเข้ามาช่วย นั่นคือ สถานการณ์ แต่ความยากลำบากเล็กๆน้อยๆ ไม่สามารถเปรียบกับศักดิ์ศรีนิรันดร์ที่เราจะได้รับ
ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
พลังเปลี่ยนชีวิต โดย ริค วอร์เร็น
graceministry.net