ตำหนิผู้อื่นหรือคิดแก้ไขให้ถูกต้อง

อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน 

วันที่ 340 ตำหนิผู้อื่นหรือคิดแก้ไขให้ถูกต้อง

นี่แน่ะ ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน”

โรม 12:19

 

ความขมขื่นเป็นความเจ็บป่วยทางวิญญาณ มันจะกัดกินวิญญาณของคุณ มันเป็นอันตรายต่อสุขภาพทางอารมณ์ของคุณ มันสามารถทำลายคุณได้ถ้าคุณปล่อยให้มันเป็นอยู่อย่างนั้น ... ดังนั้นอย่าปล่อยให้มันมีอิทธิพลต่อคุณหรือควบคุมคุณได้! หากคุณรู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธแค้นอยู่ตอนนนี้ คุณย่อมรู้ดีถึงพลังแห่งการทำลายของอารมณ์เหล่านี้ คุณจะกำจัดความรู้สึกเหล่านี้ได้อย่างไร? ก่อนอื่นคุณต้องขอให้พระเจ้าช่วยชำระจิตใจ จากนั้นคุณต้องเรียนรู้ที่จะรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเองเมื่อใดก็ตามที่รู้สึกตัวว่าความคิดของความขมขื่นหรือความเกลียดชังกำลังเริ่มโจมตีคุณ ความท้าทายของคุณคือ: คุณต้องเรียนรู้ที่จะต่อต้านความคิดเชิงลบก่อนที่พวกมันจะเข้ามาควบคุมคุณ

 

บางครั้งเราอาจต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ทำให้เรามีอารมณ์โรธและหงุดหงิดโมโหได้ง่าย หรือขมขื่นในจิตใจ หากเราใช้อารมณ์ในการตัดสิน มันจะนำมาซึ่งความสูญเสีย แต่ถ้าเรารู้เท่าทันอารมณ์ของตนเองและควบคุมมันก่อนที่มันจะนำเราไปสู่หนทางของการทำบาป เช่น การตำหนิผู้อื่น เห็นโทษคนอื่นเท่าภูเขา แต่เห็นโทษของเราเท่าเส้นผม หากเรามีสติและใช้เหตุผลให้มากขึ้นก็เท่ากับว่าเรากำลังพัฒนาตนเองและกำลังเติบโตไปในทางที่ดีขึ้น บางครั้งเราก็มักจะตำหนิผู้อื่นและอยากจะลงโทษคนนั้นคนนี้ ตอบกลับเอาคืนเขากับสิ่งที่เขาเคยทำกับเรา แต่ในมัทธิว 5:22 สอนเราว่าถ้าเราตัดสินพี่น้องของเราเราก็ต้องถูกตัดสินเช่นกัน ให้เรางดเว้นจากการตัดสินเพื่อนบ้านของเรา ให้เรายกโทษให้พวกเขาและรักพวกเขา  แต่จงมอบการตัดสินนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ ทางที่ดีเราควรหยุดการวิพากษ์วิจารณ์แล้วจับมือกันร่วมกันแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาด ดีกว่าการกล่าวโทษกันไป-มา

 

ข้อคิด

การตำหนิผู้อื่นนั้นเป็นเรื่องง่ายซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ชอบทำ (รวมถึงตัวเราเองในบางครั้งด้วย) ... แต่การแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นยากกว่า ... วันนี้ลองพิจารณาตนเองดูว่า คุณเป็นคนที่ชอบแก้ไข? หรือเป็นคนที่ชอบตำหนิผู้อื่นและหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองอยู่เสมอ?