อิสรภาพจากความสงสารตัวเอง
5ที่นั่นมีชายคนหนึ่งป่วยมาสามสิบแปดปีแล้ว
6เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นคนนั้นนอนอยู่
และทรงทราบว่าเขาป่วยอยู่อย่างนั้นนานแล้ว พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า
“ท่านอยากจะหายเป็นปกติหรือเปล่า?”
ยอห์น 5:
5-6
หลายๆครั้งที่เรายินยอมให้ความขมขื่นเพราะอะไรบางอย่าง
หรือกับใครบางคนเข้ามาครอบงำความคิดของเรา
แล้วเราก็กักขังตัวเองไว้ในความสงสารตัวเอง และเฝ้าถามหาความยุติธรรมว่าอยู่ที่ไหน?
จงเลิกยึดติดกับอดีตที่เจ็บปวด
หันมายกย่องสรรเสริญพระเจ้าแทนดีกว่า?! รู้ไหม...คนที่เอาแต่ไปพรรณาถึงบาดแผลในอดีตที่เกิดเพราะบางสิ่งหรือกับใครบางคนไม่หยุดนั้น
เขาเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ เพราะเขาชอบที่จะเป็น "นักโทษ"
มากกว่าที่จะเป็น "อิสระ" จริงๆ
การพูดไป บ่นไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ ...
มีแต่จะเลวร้ายลงเรื่อยๆ และที่สำคัญคำพูดของเราในวันนี้
ไม่นานก็จะวนกลับมาทำร้ายเราเองเข้าสักวันแน่ๆ ... จงเข้ามายกย่องและสรรเสริญพระเจ้าดีกว่า
อย่าลืมสิ ... เราเป็นลูกใคร?! เราเป็นลูกของพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์
เรามีสิทธิอำนาจยิ่งใหญ่กว่าฤทธานุภาพของศัตรู [มาร]
ไม่มีอะไรจะมาทำอันตรายพวกเราได้เลย
เมื่อพระเยซูได้พบกับชายผู้ซึ่งนอนอยู่ริมสระน้ำแห่งเบเธสดาเป็นเวลาสามสิบแปดปีเพื่อรอปาฏิหาริย์
พระองค์ถามว่าเขาอยากจะหายเป็นปกติหรือเปล่า? เราหลายคนต้องการปาฏิหาริย์
เช่นเดียวกับชายในเรื่องนี้ เขานอนจมอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง
เช่นกันในชีวิตของเรา พระเยซูทรงรู้และเข้าใจสถานการณ์ในชีวิตของเรา
ทรงรู้ว่าเราปล้ำสู้กับปัญหานี้มานานแค่ไหน
ทรงรู้ว่าเราทนทุกข์กับสภาพที่เป็นอยู่นี้เพียงใด คุณพร้อมที่จะละทิ้งชีวิตแบบเดิม
ๆ และดำเนินชีวิตในระดับชีวิตใหม่ที่พระเจ้าทรงประทานให้หรือยัง?
หลายครั้งพระเยซูไม่ใช่แค่ทำการอัศจรรย์เท่านั้น
แต่พระองค์ทรงมีพระประสงค์ของการทำการอัศจรรย์นั้นด้วย เช่นเดียวกัน ถ้าหากเราต้องการการอัศจรรย์
เรารู้ถึงบทเรียนที่พระองค์ทรงต้องการจะสอนเราหรือไม่? เรารู้ถึงพระประสงค์ของพระองค์สำหรับการอัศจรรย์หรือไม่?
พระเยซูทรงถามชายคนนี้ว่า “ท่านอยากจะหายเป็นปกติหรือเปล่า?” นั่นคือ
ไม่ใช่แค่การรักษาแต่เพียงภายนอกเท่านั้น แต่พระเยซูต้องการรักษาชายคนนี้ทั้งหมด
ไม่ใช่แค่บางส่วน พระองค์ต้องการรักษาชายคนนี้ทั้งฝ่ายร่างกายและฝ่ายจิตวิญญาณ จะเป็นประโยชน์อะไรหากเราได้รับการรักษาแต่เพียงภายนอก
แต่ภายในยังเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เต็มไปด้วยความบาป
ซึ่งสุดท้ายความเละเทะภายในก็จะสะท้อนออกมาเป็นความเจ็บป่วยภายนอกเหมือนเดิม
พระเยซูต้องการรักษาชายคนนี้ทั้งฝ่ายร่างกายและจิตวิญญาณ
เช่นเดียวกันกับชีวิตของเรา
เมื่อเราปรารถนาเห็นการอัศจรรย์ ปรารถนาให้พระเจ้าทรงรักษาเราทั้งภายในและภายนอก
เราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราหรือไม่? เราอยากให้พระเยซูทรงรักษาเรา
แล้วเราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราหรือยัง? เราพร้อมที่จะละทิ้งทัศนคติเชิงลบหรือเปล่า?
เราพร้อมออกจากกความเจ็บปวด ความขมขื่น ความผิดพลาดในอดีตหรือเปล่า? เราพร้อมที่จะยอมรับและให้อภัยตัวเองหรือไม่?
เราพร้อมและเต็มใจที่จะเดินไปกับพระเยซูหรือยัง?เราจะตอบคำถามนี้กับพระเยซูอย่างไร?
ข้อคิด
วันนี้...เราจะยินยอมให้ความเจ็บปวด
ความขมขื่นในอดีต การไม่ยอมให้อภัยอยู่ในเราต่อไป หรือเราจะสั่งมันว่า
จงไปเสียให้พ้นเจ้าความเจ็บปวด เจ้าความขมขื่น และการไม่ให้อภัย. เมื่อเราได้พบพระคริสต์แล้วสิ่งสารพัดที่เก่าๆจะหลุดร่วงไป
นี่แน่ะจะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งสิ้น (2คร.5:17)
ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจาก
www.siamchristian.com
เฟสบุคพระวจนะที่มีชีวิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น